“IFRS” มาตรฐานการรายงานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ภาคธุรกิจในตลาดทุนควรรู้

25 สิงหาคม 2566
อ่าน 4 นาที

​​

​ปัจจุบันหากกล่าวถึง Global Megatrends แล้ว “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เป็นหนึ่งในประเด็นที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้าง ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นความเสี่ยงทั้งทางด้านกายภาพ เช่น ผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านต่างๆ เช่น กฎหมายและนโยบายที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่หยิบยกประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผนวกไว้ในวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร เพื่อกำหนดทิศทาง นโยบาย กลยุทธ์ การบริหารจัดการความเสี่ยง และกระบวนการทำงาน โดยจะเห็นได้จากแนวโน้มการประกาศ เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ขององค์กรต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศไทยที่ได้ประกาศเป้าหมายในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 หรือ COP 26 เช่นกัน

นอกจากนี้International Sustainability Standards Board หรือ ISSB ซึ่งเป็นหน่วยงานในการพัฒนามาตรฐาน
ที่ช่วยให้การเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของบริษัทมีความครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุน โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ได้ออกมาตรฐานการรายงานทางการเงิน (International Financial Reporting Standards: IFRS) เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนออกมา 2 ฉบับ คือ “IFRS S1” มาตรฐานเรื่องข้อกำหนดทั่วไปสำหรับการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับความยั่งยืน และ “IFRS S2” มาตรฐานเรื่องการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (คาดว่าจะเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป)

IFRS ทั้งสองฉบับมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยง และโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทและการเข้าถึงเงินทุน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ครอบคลุมการป้องกันความเสี่ยงในด้านกายภาพและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านรวมถึงกระบวนการด้านการกำกับดูแล การกำหนดกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง และการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายขององค์กรที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Link) รวมทั้ง เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดทุนตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องมั่นใจว่าการดำเนินงานต่าง ๆ นั้นไม่ได้เป็นการฟอกเขียว (Greenwashing) หรือมีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนตามจริงหรือบิดเบือนเกินจริง ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

สำหรับประเทศไทย ก.ล.ต. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างตลาดทุนไทยมีความยั่งยืน จึงกำหนดให้ภาคธุรกิจต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งด้านการเงินและการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อความยั่งยืนทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งรวมไว้ในแบบรายงานฉบับเดียว (56-1 One Report) หรือ “One Report” ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับมาตรฐาน IFRS ทั้ง 2 ฉบับ ทั้งในส่วนของนโยบายและเป้าหมายการจัดการด้านความยั่งยืนการจัดการผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยง และการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ดังนั้น การรายงาน One Report รวมถึงตามมาตรฐานสากลในการรายการข้อมูล IFRS ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับภาคธุรกิจในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ และการรายข้อมูลก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว (Green Finance)* เสริมสร้างความเชื่อต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดจนสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ รวมทั้งช่วยเสริมการดำเนินงานด้านความยั่งยืน อันจะนำพาประเทศเปลี่ยนผ่านสู่ “เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำ” ที่สอดคล้องกับบริบทสากลอีกด้วย
______________

* แหล่งเงินทุนสีเขียว (Green Finance) โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ให้ความหมายไว้ว่า คือการเพิ่มกระแสการเงิน ไม่ว่าจะจากธนาคาร การให้สินเชื่อ การประกันภัย และการลงทุน ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ให้ไหลไปสู่กิจกรรมของโลกธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีจุดสำคัญอยู่ที่การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ดีขึ้น คว้าโอกาสในการ “ให้ผลตอบแทน” และ “ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม” ไปพร้อม ๆ กัน นำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น

                                        ******************************
อ้างอิงจากบทความ "“IFRS” มาตรฐานการรายงานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ภาคธุรกิจในตลาดทุนควรรู้" โดยฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่  https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2566/250866.pdf​ ​